[นักข่าว อิมฮันฮี จาก Lawissue] ได้รายงานว่า คุณ A นามสมมุติเป็นผู้ที่อยู่ในวัยทำงานมีแพลนจะดูดไขมันต้นขาและต้นแขน แต่มีสิ่งหนึ่งที่กังวล เนื่องจากเป็นโรค โลหิตจาง นั่นเอง ซึ่งกลัวว่าจะเกิดปัญหาตามมาหากทำการดูดไขมัน ทั้งๆที่คุณ A เคยได้รับการทำศัลยกรรมเล็กๆมาแล้วในอดีต และหลังจากผ่าตัดนั้นเคยเป็นลมหมดสติเนื่องจากอาการของโรคโลหิตจาง
จากวงการแพทย์ เมื่อวันที่ 18 ได้มีการกล่าวถึงโลหิตจาง ซึ่งมีจำนวนเม็ดเลือดแดง, ความเข้มข้นของเลือด (ฮีโมโกลบิน) และ ปริมาณเม็ดเลือด ต่ำกว่าปกติ สำหรับผู้ชายหากมีค่าฮีโมโกลบิน (Hb) ต่ำกว่า 13 และผู้หญิงต่ำกว่า 12 จะถือว่าเป็นโรคโลหิตจาง ในส่วนของเม็ดเลือดแดงนั้นจะประกอบด้วยโปรตีนที่เรียกว่า ฮีโมโกลบิน
สำหรับเคสของคุณ
A นั้น ต้องการทำศัลยกรรมดูดไขมันในอนาคตหากเป็นกังวลเกี่ยวกับอาการต่างๆของโรคโลหิตจาง
ควรจะรับประมาณยาเสริมสร้างธาตุเหล็กเอาไว้ก่อนรับการผ่าตัด เนื่องจากการดูดไขมัน หากมีการนำไขมันออกไปจำนวนมาก ก็จะทำให้มีอาการเลือดออกได้
ดังนั้นเมื่อผ่าตัดแล้วอาจทำให้มีอาการเวียนศีรษะ
และถึงแม้ว่าในปัจจุบันนี้จะใช้เวลาผ่าตัด หรือ มีเลือดออกน้อยกว่าเมื่อเทียบกับอดีต แต่ในการผ่าตัดก็ต้องยอมรับว่ามีเลือดออกน้อยกว่า 400cc หากมีค่าของเลือดต่ำก็อาจทำให้ยากต่อการผ่าตัด
ปริมาณไขมันที่สามารถนำออกได้จากคนไข้แต่ละเคสจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับค่าฮีโมโกลบิน และยิ่งมีปริมาณไขมันที่นำออกจากร่างกายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ร่างกายเสียหายมากเท่านั้น
ทางด้านวงการแพทย์กล่าวว่า “โดยปกติแล้วหากเป็นโรคโลหิตจางจะต้องรับประทานยาเสริมสร้างธาตุเหล็กซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือดภายในร่างกายก่อนรับการผ่าตัด”
นอกจากนี้การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กก็สามารถช่วยได้ เช่น ผักโขม, ปลาทู, สาหร่ายทะเล, เนื้อสัตว์ที่มีไขมันน้อย เป็นต้น แต่หากไม่สะดวกในการรับประทานอาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก การรับประทานยาเสริมสร้างก็เป็นตัวช่วยอีกหนึ่งวิธี หากรับประทานวิตามิน ซี ควบคู่กับยาเสริมสร้างธาตุเหล็กจะยิ่งทำให้มีอัตราการดูดซึมสูงขึ้น แต่ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานวิตามินรวมควบคู่กับยาเสริมสร้างธาตุเหล็กเพราะจะเป็นตัวยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็กนั่นเอง สำหรับหลังทำการดูดไขมัน แนะนำให้เน้นการรับประทานอาหารที่อุดมด้วยโปรตีน และ ธาตุเหล็ก
เนื้อหาและภาพประกอบจาก ccnews.lawissue.co.kr
เรียบเรียงและแปลเนื้อหาโดย Oppa Me (Global) Co.,Ltd.
ติดตามข่าวสารและปรึกษาศัลยกรรมความงามได้ที่
Line @oppame ,www.oppame.com
Comments